มังงะ Oshi no Ko หยุดพัก 1 เดือนเนื่องจากผู้แต่งป่วย มีตอนพิเศษแทน

ดูเหมือนว่ามังงะ Oshi no Ko เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ นั้นจะต้องหยุดพักเป็นเวลาหนึ่งเดือนเสียแล้ว เนื่องจากผู้เขียน อ.อากะ อากาซากะนั้นป่วย โดยอาจารย์บอกว่าแม้จะกลับมาทำงานแต่รู้สึกไม่ค่อยดีมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว

ด้วยเหตุนี้ Oshi no Ko ตอนใหม่จึงเลื่อนตีพิมพ์เป็นวันที่ 14 กันยายนนี้แทน แต่ระหว่างที่ อ.อากะหยุดพัก อ.เม็งโกะ โยโกยาริ ผู้วาดก็จะเขียนเรื่องสั้นชื่อว่า Oshi no Ko -interlude- ไปก่อนเป็นเวลา 4 สัปดาห์แทน

เราก็ขอเอาใจช่วยให้ อ.อากะนั้นหายป่วยไว ๆ ส่วนเรื่องสั้นที่จะมาให้เราได้อ่านไปพลาง ๆ นั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง ต้องรอติดตามกันต่อไป

เผย 10 อันดับมังงะที่แฟน ๆ อยากให้ทำเป็นอนิเมะมากที่สุดจากงาน AnimeJapan 2023

มีเรื่องไหนที่ติดตามกันอยู่บ้างเอ่ย?

ถือเป็นธรรมเนียมของทุกครั้งที่มีการจัดงาน AnimeJapan ที่ทาง Sony Music Solutions จะจัดผลสำรวจ มังงะที่อยากให้ทำเป็นอนิเมะมากที่สุด และล่าสุดก็มีการเผย 10 อันดับมังงะที่แฟน ๆ อยากให้เป็นอนิเมะประจำปี 2023 แล้ว เราไปดูกันเลยว่ามีเรื่องอะไรบ้าง

อันดับที่ 1 : Hyperinflation ของ อ.Sumiyoshi Kyu

อันดับที่ 2 : Koori no Jyouheki ของ อ.Agasawa Koucha

อันดับที่ 3 : Nitou to Tazuka no Nichijou ของ อ.Satou to Shio

อันดับที่ 4 : Waka-chan wa Kyou mo Azatoi ของ อ.Shimamura

อันดับที่ 5 : Giant Ojou-sama ของ อ.Nikumura Q

อันดับที่ 6 : Dareka Yume da to Itte Kure ของ อ.Michelle

อันดับที่ 7 : Aru Hi, Ohime-sama ni Natteshimatta Ken ni Tsuite ของ อ. Plutus และ Spoon

อันดับที่ 8 : Junket Bank ของ อ.Tanaka Ikkou

อันดับที่ 9 : Tsuiraku JK to Haijin Kyoushi ของ อ.sora

อันดับที่ 10 : Ninja to Gokudou ของ อ. Kondou Shinsuke

ผู้กำกับอนิเมะเผยคุณภาพของ Kimetsu no Yaiba บีบให้ทุกสตูดิโอเพิ่มระดับตัวเอง

คุณ Watanabe Takashi ผู้กำกับอนิเมะที่คร่ำวอดในวงการมานาน โดยอนิเมะเรื่องดังที่เคยกำกับ ได้แก่ Miracle Giant Toumu-kum, Slayers, RAVE, Shana, Aria The Scarlet Ammo, Realist Hero Rebuilt the Kingdom และอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง ล่าสุดคุณ Watanabe ก็ได้มีการแสดงความเห็นเกี่ยวกับข่าวสะท้านโลกของ Kimetsu no Yaiba แล้ว

สำหรับความเห็นของคุณ Watanabe นั้นไม่ได้เอ่ยชมทาง Kimetsu no Yaiba แบบตรง ๆ หรือตำหนิอะไร แต่เป็นการบอกว่าคุณภาพระดับ Kimetsu no Yaiba กำลังจะทำให้ทุกสตูดิโออนิเมะมีการเอาเยี่ยงอย่างและพยายามจะไปถึงจุดนั้นนั่นเอง ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องดี หากในอนาคตมีอนิเมะที่คุณภาพแบบเดียวกับ Kimetsu no Yaiba ออกมามากมาย

Tweet ของคุณ Watanabe

“เรื่องคำชมของ Kimetsu no Yaiba เข้าหูผมแล้วล่ะ อีกไม่นานทุกบริษัทน่าจะมีการถูกบังคับให้ทำระดับแบบนั้นแหละ แต่ก็เห็นว่ามีสตูดิโอที่กำลังไล่ตามแบบนั้นอยู่แล้วด้วย เพราะถ้าหากทำแบบนั้นไม่ได้ ก็จะถูกตีตราเป็นบริษัทที่ไม่ได้เรื่อง และถูกบังคับให้หายไป ซึ่งก็ถือว่ามันกำลังจะเป็นยุคที่สุดยอด แต่ผมว่ายังไงมันก็ขึ้นอยู่กับแนวคิดการสร้างของพวกโปรดิวเซอร์แหละนะ”

แฟนๆมังงะ Lucifer and the Biscuit Hammer เตรียมเฮ หลังประกาศทำอนิเมะแน่นอน

เมื่อวันที่ผ่านมา อ. Mizukami Satoshi ผู้เป็นนักเขียนมังงะชาวญี่ปุ่น ได้เปิดเผยบนทวิตเตอร์ของตัวเองว่ามังงะแนวแฟนตาซีเรื่อง Lucifer and the Biscuit Hammer หรือ ศึกอลวนต่างดาวป่วนโลก

ชื่อญี่ปุ่น Hoshi no Samidare ที่ตีพิมพ์จบไปเมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้วกำลังจะถูกนำมาดัดแปลงสร้างเป็นอนิเมะทีวีฉายในช่วงฤดูร้อนปี 2022

Lucifer and the Biscuit Hammer เป็นมังงะที่ถูกตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Shonen Gahosha ระหว่างปี 2005-2010 มีทั้งหมด 10 เล่มจบ

Lucifer and the Biscuit Hammer

โดยตัวเรื่องนั้นจะกล่าวถึง Amamiya Yuuhi นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆ ที่รุ่งเช้าวันหนึ่งมีกิ้งก่าพูดได้มาปรากฏตัวตรงหน้า แล้วขอให้เขาช่วยปกป้องโลกใบนี้จากอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา

มันก็มอบแหวนพลังให้กับ Yuuhi โดยที่เขายังไม่ทันได้พูดปฏิเสธออกไปด้วยซ้ำ แถมอยู่ ๆ ก็มีศัตรูมาเล่นงานเขาอีก ในระหว่างที่ Yuuhi กำลังเข้าตาจน Samidare ที่เป็นสาวน้อยห้องข้างๆก็มาช่วยชีวิตของ Yuuhi เอาไว้ ราวกับเป็นแม่พระมาโปรด แต่แท้จริงแล้วสาวน้อยคนนี้ก็คือ “จอมมาร” ที่หวังจะยึดครองโลกใบนี้…

ซึ่ง อ. Mizukami Satoshi ยังได้พูดถึงการสร้างอนิเมะครั้งนี้ว่า ผู้อ่านคงตกใจที่เรื่องที่จบไปแล้วตั้ง 12 ปี จะถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมะ แต่ก็ขอให้รอชมอย่างคาดหวัง แล้วก็จะทำไปจนจบเรื่องเลย ส่วนรายชื่อทีมงานสร้างอนิเมะที่ถูกเผยออกมาก็มีดังนี้

รายชื่อทีมงานอนิเมะ

Director: Nakanishi Nobuaki(เคยมีผลงานอนิเมะ Koihime Muso)

Series: อ. Mizukami Satoshi(ผู้เขียนมังงะต้นฉบับ), Momose Yuichiro(เคยมีผลงานอนิเมะ My First Girlfriend Is a Gal)

ตามคำเรียกร้องของแฟน ตอนนี้ Munou na Nana ได้เอามังงะ มาเป็นอนิเมะ แล้ว

anime-file

ถูกใจชาวแฟนกันเลยทีเดียว หลังมังงะ เรื่อง Munou na Nana (ชื่อไทย แผนลับดับ “ศัตรู”) ผลงานการแต่งเรื่องของ Looseboy และวาดโดยอาจารย์ Furuya Iori ได้ยืนยันแล้วว่าเตรียมถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะทีวีซีรีส์ โดยรายละเอียดและทีมงานจะมีการประกาศออกมาในภายหลัง

“เมื่อฉันไปเยี่ยมการประชุมเพื่อสร้างอนิเมะ ก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้รู้ว่า ‘มีคนมากมายเข้ามามีส่วนร่วม’ เท่าที่ฉันจำได้ตอนทำมังงะมีเพียงแค่บรรณาธิการและผู้วาดภาพอย่างฟุรุยะซังเท่านั้นที่เชื่อมต่อผู้คนมากมายเข้าด้วยกัน มันเป็นเวลาที่ฉันได้รับการสนับสนุนจากทุกคนที่เกี่ยวข้อง ในการตีพิมพ์ลงเป็นซีรีส์ จัดทำฉบับรวมเล่ม และจากผู้อ่านทุกคน ฉันขอขอบคุณทุก ๆ คน โปรดคอยพบกับ นานะ, เคียวยะ และ นาคาจิมะ ที่เคลื่อนไหวได้ พูดได้ ในรูปแบบแอนิเมชันกันเอาไว้เลย!”

ข้อความจากผู้วาด Furuya Iori

“ขอขอบคุณทุกท่านที่ทำให้เรามีโอกาสนี้ ฉันได้รู้สึกกับตัวเองแล้วว่ามีผู้อ่านหลายท่านชื่นชอบ และรู้สึกอินไปกับนานะซังและตัวละครอื่น ๆ ซึ่งฉันรู้สึกตื้นตัน ต้องขอขอบคุณมาก ๆ เราขอขอบคุณการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของทุกท่านที่มี และขอฝาก Munou na Nana ในฉบับอนิเมะด้วยนะ”

เรื่องย่อ
ปี 20XX โลกถูกปิศาจที่รู้จักกันในชื่อ “ศัตรูของมนุษยชาติ” รุกราน เพื่อรับมือกับการคุกคามนี้จึงได้มีการก่อตั้งโรงเรียนพิเศษบนเกาะโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรเพื่อฝึกฝนหนุ่มสาวผู้มีพลังพิเศษไว้เตรียมต่อกรกับศัตรูของมนุษยชาติ ทว่ามีประเทศหนึ่งที่มองว่าพลังเหนือธรรมชาติของแต่ละคนนั้นเป็นภัยคุกคาม คือศัตรูของมนุษยชาติและต้องกำจัด จึงได้ส่งฮิอิรากิ นานะ นักฆ่าที่ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรเลยให้แฝงตัวเข้ามาที่โรงเรียนแห่งนี้เพื่อกำจัดผู้มีพลังพิเศษทุกคน เพื่อไม่ให้ความแตกว่าเป็นคนที่ไม่มีพลังพิเศษ เพื่อไม่ให้ถูกล่วงรู้ว่าเป็นนักฆ่า จึงต้องใช้เพียงมันสมองเพื่อลอบฆ่าอยู่เบื้องหลัง…!

มังงะเรื่องนี้ได้เริ่มลงในนิตยสาร Monthly Shonen Gangan เมื่อเดือนพฤษภาคม 2016 โดยฉบับรวมเล่มที่ 6 จะวางจำหน่ายในญี่ปุ่นวันที่ 11 เมษายน สำหรับในประเทศไทยมังงะเป็นลิขสิทธิ์ของ Siam Inter Comic

นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ที่สุดมันอีกเรื่องนึง

นารูโตะ  เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เนื้อหาเกี่ยวกับนินจา เรื่องและภาพโดยมะซะชิ คิชิโมะโตะ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 ในนิตยสาร “โชเน็งจัมป์” ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีโครงเรื่องเดิมมาจากผลงานที่คิชิโมโตะเคยเสนอให้สำนักพิมพ์ในปี 2540 ต่อมาได้ถูกสร้างเป็น อนิเมะ และ เกม หลายต่อหลายภาค

ส่วนในประเทศไทย นารูโตะ ได้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์บูม ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัทเนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ ส่วนหนังสือการ์ตูนมีทั้งหมด 72 เล่ม ส่วนภาคอนิเมะในชื่อไทยมี 2 ภาค คือ “นารูโตะ นินจาจอมคาถา” และ “นารูโตะ ตำนานวายุสลาตัน” เป็นลิขสิทธิ์ของ “โรส วิดีโอ” และเคยออกฉายทาง สถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ไทยพีบีเอส ในปัจจุบัน) และ ช่อง5 “นารูโตะ นินจาจอมคาถา” มีภาคมูฟวี่ 3 ภาค และ “นารูโตะ ตำนานวายุสลาตัน” มีภาคมูฟวี่ 8 ภาค และมีการฉายฉบับเสียงพากย์ภาษาไทย – อังกฤษผ่านทางช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์ก (ทรูวิชั่นส์) โดยจะเรียกชื่อเรื่องว่า นารูโตะ และใช้ทีมพากย์ภาษาไทยของทางการ์ตูนเน็ตเวิร์ก เอง และช่องรายการดาวเทียม “Gang Cartoon Channel” ทีมพากษ์โรส วิดีโอ

นารูโตะคือหนึ่งในการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และได้รับความนิยมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในอเมริกาและยุโรป มีเนื้อหาเกี่ยวกับนินจา ศาสตร์เวทมนตร์ โดยมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นโบราณผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ปรัชญาและคำสอนที่กินใจ ปมฝั่งใจในวัยเด็กที่แตกต่างกันของแต่ละคนเชื่อมโยงสู่อตีตอย่างคาดไม่ถึง การเรียนรู้ถึงความเจ็บปวดของสงครามที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในจิตใจของมนุษย์

นารูโตะ นินจาจอมคาถา

ในแว่นแคว้นของโลกแห่งนินจา หมู่บ้านที่ชื่อโคโนฮะงาคุเระได้ถูกปีศาจจิ้งจอกเก้าหางโจมตีเมื่อสิบสองปีก่อน ทำให้โฮคาเงะรุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ต้องยอมพลีชีพเพื่อสะกดวิญญาณของปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง โดยผนึกไว้ในร่างของทารกคนหนึ่ง นามว่า อุซึมากิ นารูโตะ สิบสองปีถัดมา นารูโตะถูกเกลียดชังจากชาวบ้านที่ล่วงรู้ความลับที่เป็นพลังสถิตร่างของจิ้งจอกเก้าหาง นารูโตะมีความใฝ่ฝันจะเป็นโฮคาเงะและอยากให้ทุกคนยอมรับ

หลังจากนารูโตะสำเร็จการศึกษาเป็นนินจาชั้น เกะนิน (นินจาระดับล่าง) นารูโตะปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การควบคุมของ ฮาตาเกะ คาคาชิ ซึ่งเป็น โจนิน (นินจาระดับสูง) โดยมี อุจิวะ ซาสึเกะ และ ฮารุโนะ ซากุระ เป็นสมาชิกร่วมทีมอีกสองคน อุจิวะ ซาสึเกะนั้นมีความแค้นกับอุจิวะ อิทาจิ ผู้เป็นพี่ชายของตนซึ่งเป็นคนสังหารผู้คนในตระกูลอุจิวะทั้งหมด

ในการสอบคัดเลือกเป็นจูนิน (นินจาระดับกลาง) พวกนารูโตะได้เข้าร่วมการทดสอบด้วย แต่โอโรจิมารุได้บุกโจมตีหมู่บ้านโคโนะฮะระหว่างการสอบรอบสุดท้าย ส่งผลให้โฮคาเงะรุ่นที่ 3 หัวหน้าหมู่บ้านในขณะนั้น ต้องเสียชีวิตลง นารูโตะและจิไรยะออกเดินทางเพื่อตามหาซึนาเดะให้มาเข้ารับตำแหน่งเป็นโฮคาเงะรุ่นที่ 5 หลังจากซึนาเดะมาเข้ารับตำแหน่งแล้ว ซาสึเกะซึ่งไขว่คว้าหาพลังของโอโรจิมารุเพื่อล้างแค้นพี่ชายของตน ได้หนีออกจากหมู่บ้านไป พวกนารูโตะพยายามจะตามตัวซาสึเกะกลับมาแต่ไม่สำเร็จ หลังจากนั้น นารูโตะได้เดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อไปฝึกวิชากับจิไรยะ

นารูโตะ ตำนานวายุสลาตัน

หลังจากออกเดินทางเพื่อฝึกวิชาสองปีครึ่ง อุซึมากิ นารูโตะและจิไรยะได้กลับมายังหมู่บ้านโคโนฮะ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น กลุ่มแสงอุษาได้เริ่มส่งนินจาออกไปเพื่อรวบรวมพลังสถิตร่างกลับมาเพื่อดึงสัตว์หางเพื่อทำให้สัตว์หาง 9 ตัว รวมกลับไปเป็น 10 หาง ตามแผนเนตรจันทรานิรันดร์ พวกนารูโตะได้ต่อสู้กับกลุ่มแสงอุษาหลายครั้ง ในเวลานั้น ซาสึเกะได้จัดการโอโรจิมารุและออกเดินทางเพื่อไปฆ่าอิทาจิอิทาจิตายหลังการต่อสู้กับซาสึเกะ หลังจากนั้น ซาสึเกะได้รู้ความจริงเกี่ยวกับพี่ชายจากอุจิวะ โอบิโตะ (ซึ่งขณะนั้นปลอมตัวเป็น อุจิวะ มาดาระ) จึงตัดสินใจจะทำลายโคโนะฮะ

แสงอุษายังดำเนินแผนการของตนต่อไป ในตอนนั้นแสงอุษารวบรวมสัตว์หางได้ 7 ตัวแล้ว เหลือเพียงแปดหางกับเก้าหาง เพนได้เข้ามาโจมตีหมู่บ้านโคโนะฮะเพื่อชิงเก้าหาง นารูโตะสามารถจัดการเพนลงได้ ห้าคาเงะซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนินจาทั้งห้าของห้าแคว้นใหญ่ได้มาประชุมกัน หลังจากนั้น อุจิวะ โอบิโตะ (ภายใต้ชื่อ อุจิวะ มาดาระ) ได้ประกาศสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 กับแคว้นนินจาทั้งหมดเพื่อชิงแปดหางกับเก้าหาง

แบล็กแจ็ก หมอปีศาจ เป็นหมอเถื่อนที่เก็บค่ารักษาแพง ๆ จากคนรวย

แบล็กแจ็ก หมอปีศาจ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของ โอซามุ เท็ตซึกะ เรื่องราวเกี่ยวกับหมอที่เรียกชื่อตัวเองว่า “แบล็กแจ็ก” ใส่เสื้อคลุมสีดำ มีหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการ เป็นหมอเถื่อนที่เก็บค่ารักษาแพง ๆ จากคนรวย และหลายคนคิดว่าเขาเป็นหมอหน้าเลือด ต่อมาได้ถูกดัดแปลงเป็นสื่อหลายหลายรูปแบบ ได้แก่ อนิเมะ โอวีเอ ภาพยนตร์การ์ตูนจอเงิน ภาพยนตร์แบบคนแสดง อนิเมะทางอินเทอร์เน็ต และเกม

ในประเทศไทย แบล็กแจ็กได้รับลิขสิทธิ์ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจไป 2 ภาค ซึ่งใช้ชื่อเรื่องภาษาไทยว่า แบล็กแจ็ก หมอปีศาจ สำหรับภาค Neo ได้รับลิขสิทธิ์ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บงกช

เนื้อเรื่อง แบล็กแจ็ก หมอเถื่อนผู้มีความสามารถสูงส่งหรือนับได้เป็นศัลยแพทย์อัจฉริยะ ทว่าเขาเป็นที่รังเกียจของวงการแพทย์เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์การรักษา และมีการเรียกค่ารักษาจำนวนมหาศาล ทว่าในการรักษาบางครั้งก็ไม่รับค่าตอบแทนใด สมัยก่อนแบล็กแจ็กมีครอบครัวแต่วันหนึ่งพ่อของเขาไปมีภรรยาใหม่แบล็กแจ็กเลยต้องอยู่กับแม่2คนตอนเด็กขณะที่ไปเล่นชายหาดกับแม่ แบล็กแจ็กได้พบระเบิดสงคราม แม่ของแบล็กแจ็กไปช่วยไว้ก็เลยโดนระเบิดเสียชีวิต ส่วนแบล็กแจ็กที่บาดเจ็บสาหัสก็ได้หมอฮอนมะช่วยชีวิตไว้

ตัวละครหลัก

แบล็กแจ็ก  หมอเถื่อนผู้มีฝีมือการรักษาเป็นยอด ชื่อเดิมของเขาคือ ฮาซามะ คุโรโอะ ซึ่งเมื่อแปลแบบภาษาอังกฤษ จะได้ว่า “แบล็กแจ็ก” ตัวเขาและแม่ได้ประสบพบกับซากของระเบิดที่เก็บไม่หมดในครั้งสงคราม ตัวเขาแยกเป็นชิ้นๆ แต่ได้รับการรักษาโดยศัลยแพทย์ฮอนมะ โจทาโร่ จนร่างกายกลับมาเป็นปกติ แต่เขาก็ต้องฝึกกายภาพบำบัดเพื่อให้เคลื่อนไหวได้ ส่วนแม่ของเขาเหลือร่างกายเพียงครึ่งท่อน และตายจากเขาไป ทำให้แบล็กแจ็กแค้นกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการเก็บระเบิดจากพื้นที่นั้นๆ (ในภาคหลัก ระบุว่ามีทั้งหมด 5 คน แต่ในภาครีเมค ระบุว่ามีแค่ 3 คน)

ความที่ตนเองนับถือหมอฮอนมะ จึงได้เจริญรอยตามด้วยการเป็นแพทย์เหมือนกัน และรักษาโรคด้วยการรีดเงินมหาศาล แต่ในบางครั้งกลับรักษาโดยไม่เรียกค่าใช้จ่ายใดๆ หรือเรียกในสิ่งที่ไม่สมกับสิ่งที่เขารักษาเลย ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยและความแน่วแน่ตั้งใจของผู้ป่วย สาเหตุที่แบล็คแจ็คต้องการเงินมหาศาลเป็นเพราะเขาต้องการซื้อเกาะๆหนึ่งเพื่อดำเนินการล้างแค้น และเพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ราคาสูงซึ่งเขาต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง มีนิสัยชอบหลับเวลาเดินทางไกล และเคยผ่าตัดตัวเองโดยไม่มีผู้ช่วยในตอนที่28 เพื่อนำตัวปรสิตกลายพันธุ์ออกจากร่างกาย

พิโนโกะ เด็กหญิงผู้เกิดมาจากก้อนเนื้อ Teratogenous Cystoma ชิ้นส่วนร่างกายเธออยู่ในก้อนเนื้อขนาดใหญ่ติดกับพี่สาวฝาแฝดของเธอ เมื่อพี่สาวเธอมาผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเนื้อนี้ออก แบล็กแจ็กพบว่า ชิ้นส่วนภายในยังคงมีชีวิต จึงประกอบเธอขึ้นมาใหม่ โดยทดแทนกระดูกและอวัยวะส่วนที่ไม่มี ด้วยวัสดุสังเคราะห์ ทำให้ตัวเธอไม่สามารถว่ายน้ำได้ เธอคิดว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และเป็นภรรยาของหมอแบล็กแจ็ก แต่การกระทำของเธอเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นพฤติกรรมแบบเด็กๆ ตัวเองแบล็กแจ็กเองก็คิดกับเธอในแบบลูกสาว จนกระทั่งได้ฝันเห็นเธอตอนโตเป็นสาวแล้ว

รารูโก สุนัขที่คอยเฝ้าบ้านของหมอแบล็กแจ็ก รารูโก้เป็นหมาตัวสีเหลือง ถ้าหมอไม่อยู่บ้านรารูโก้จะอยู่เป็นเพื่อนพิโนโกะเสมอ

บิวะมารุ แพทย์ฝังเข็มตาบอดทั้ง 2 ข้าง มีประสาทรับเสียงและกลิ่นที่ดีเป็นพิเศษจนสามารถหาโรคร้ายจากกลิ่นได้ ซึ่งปฏิเสธการรักษาโดยวิธีการผ่าตัด

ฮอนมะ โจทาโร่  ศัลย์แพทย์ผู้ช่วยเหลือแบล็กแจ๊กในตอนเด็กจากการประสบอุบัติเหตุ ต่อมาเสียชีวิตขณะที่แบล็กแจ็กผ่าตัดให้

ดร.คิริโกะ หมอเถื่อนอีกคนหนึ่ง มีแนวทางในการให้คนป่วยเสียชีวิตโดยไม่ต้องทรมาน (การุณยฆาต) สาเหตุที่มีแนวทางนี้เนื่องจากเคยเป็นแพทย์ทหาร

เท็ตซึ หรือมาสเตอร์ เจ้าของร้านกาแฟ Tom ที่แบล็กแจ็กและพิโนโกะไปเป็นประจำ เดิมเป็นนักแสดงมายากล ต่อมากลับกลายเป็นโจรกระชากกระเป๋า แล้วมีครั้งหนึ่งเกิดอุบัติเหตุทำให้นิ้วขาด แบล็กแจ็กเป็นคนผ่าตัดให้ใช้งานได้เหมือนเดิม จึงเลิกการเป็นโจรและเปิดร้านกาแฟ โดยแบล็กแจ็กมีเงื่อนไขคือต้องให้กินฟรีตลอดแทนค่าผ่าตัด

“บ้านนี้ต้องมีเหมียว” การ์ตูนสัตว์น่ารักมีทั้งมังงะและอนิเมะ

บ้านนี้ต้องมีเหมียว เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแนวเซเน็น ซึ่งมีทั้งมังงะและอนิเมะ สร้างสรรค์โดย คานาตะ โคนามิออกเป็นครั้งแรกเป็นมังงะในวีคลี่ มอร์นิ่ง ในปี พ.ศ. 2550 ในประเทศไทยตีพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย สยามอินเตอร์คอมิกส์

เป็นเรื่องราวของ จี้ ซึ่งเป็นตัวละครเอกในเรื่อง เป็นลูกแมวลายสีขาว-เทา ตาโต ที่หลงกับแม่ มาอยู่กับครอบครัว ยามาดะ ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่ไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ครอบครัวยามาดะ ประกอบไปได้วย พ่อ ที่เป็นนักสร้างสรรค์โฆษณา แม่ ที่เป็นแม่บ้าน และ โยเฮ ลูกชายตัวเล็ก ๆ อายุ 4 ขวบ ของทั้งคู่ ที่เป็นเพื่อนเล่นของจี้ จี้มีนิสัยชอบกินและนอน และเล่นกับโยเฮหรือของใช้ในบ้านต่าง ๆ กลัวฟ้าผ่า, สุนัขหรือแมวตัวใหญ่กว่า

บ้านนี้ต้องมีเหมียว ได้รับการสร้างเป็นอนิเมะในปี พ.ศ. 2552 ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โตเกียวและสถานีโทรทัศน์โอซะกะ ด้วยตอนสั้น ๆ เพียงตอนละ 3 นาทีเท่านั้น จนถึงปัจจุบันนี้ออกอากาศมาแล้ว 2 ปี

ในประเทศไทย บ้านนี้ต้องมีเหมียวฉบับอนิเมะออกวางจำหน่ายในรูปแบบวีซีดี, ดีวีดี โดยเดกซ์ และเคยออกอากาศทางช่องทรู สปาร์ค ต่อมาได้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 18.45 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 <วันเสาร์>แมวจี้น่ารัก 2019พือาย

ไยบะ เจ้าหนูซามูไร การ์ตูนในวัยเยาว์ เด็กยุค 90

ไยบะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้แนวเคนโด้และซามุไรของญี่ปุ่นที่วาดขึ้นโดย อาโอยาม่า โกโช ผู้วาดเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนันมีทั้งแบบ มังงะ และ อนิเมะ

เจ้าหนูซามูไรผู้มีความฝัน

คุโรงาเนะ ไยบะ ซามูไรวัยกระเตาะอาศัยอยู่ที่เกาะอันห่างไกลกับพ่อของเขา คุโรงาเนะ เคนจูโร่ และสัตว์เลี้ยงที่เป็นทั้งเพื่อนและคู่หูอย่างคาเงโทร่า (เสือ) กับโชโนสุเกะ (แร้ง) วันหนึ่งทั้งหมดได้มาที่ญี่ปุ่นโดยบังเอิญและได้พบกับครอบครัวมิเนะ ไรโซ เคนจูโร่กับไรโซนั้นเป็นเพื่อนเก่าแก่และเป็นคู่แข่งกัน เคนจูโร่ขอให้บ้านมิเนะฝากเลี้ยงไยบะ เพื่อที่จะให้ความฝันของไยบะเป็นจริงนั่นคือซามูไรอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ส่วนบ้านมิเนะก็มีลูกสาวคือซายากะ ซึ่งซายากะนั้นต้องคอยดูแลไยบะอยู่ตลอดเนื่องจากไยบะไม่เคยเห็นโลกภายนอก

ซามูไรทั้งสองและดาบมารทั้งสอง

วันหนึ่งไยบะไปที่โรงเรียนมัธยมของซายากะและได้พบกับ โอนิมารู ทาเคชิ นักเรียนร่วมสถาบันของซายากะ โอนิมารูมีฝีมือในเรื่องเคนโด้นั้นทำให้ไยบะต้องการจะประมือด้วย ทั้งสองได้สู้กันผลคือโอนิมารูแพ้ไป สร้างความอับอายแก่โอนิมารูมาก โอนิมารูมีความตั้งใจอันแน่วแน่ว่าจะต้องเอาคืนไยบะให้ได้ โอนิมารูได้ค้นพบของบางอย่างจากห้องใต้ดินในบ้านของตนนั่นคือ “ดาบวายุเทพ” ดาบที่มีพลังแห่งลมที่มีวายุเทพสิงสถิตย์อยู่ โอนิมารูใช้ดาบนี้ฝึกฝนจนถึงแก่นแท้ โดยที่จิตใจชั่วร้ายของโอนิมารูนั้นถูกดาบวายุเทพปลดปล่อยออกมาทำให้โอนิมารูถูกปิศาจครอบงำไป โอนิมารูเปลี่ยนไปมีเขางอกออกมาจากศีรษะ รวมไปถึงจิตใต้สำนึกต่างๆนั้นได้กลายเป็นปิศาจไปแล้ว ต่อมาโอนิมารูได้กลับมาสู้กับไยบะต่อ ไยบะไม่สามารถต่อกรกับโอนิมารูที่ใช้ดาบวายุเทพได้จึงพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป พวกไยบะจึงจำเป็นจะต้องหาสิ่งที่จะมาต่อกรกับดาบวายุเทพได้ นั่นก็คือ “ดาบอัสนีเทพ” นั่นเอง

โอนิมารูล่วงรู้ว่ายังมีดาบอีกเล่มที่เหมือนกับดาบวายุเทพของตนคือดาบอัสนีเทพจึงต้องการเอาดาบนั้นมาเป็นของตนให้ได้ พวกไยบะพบดาบอัสนีเทพและได้พบกับ มิยาโมโต้ มุซาชิ ซึ่งเป็นซามูไรในตำนานจากยุคเอโดะ มุซาชินั้นเป็นผู้ครอบครองดาบนี้ไว้เพื่อวันหนึ่งจะมีคนที่เหมาะสมได้รับไปซึ่งคนที่สามารถใช้ดาบอัสนีเทพได้คือไยบะ ทางด้านโอนิมารูนั้นหลังจากที่ถูกปีศาจครอบงำแล้วทำให้มีความทะเยอทะยานจะยึดครองโลก โดยสร้างสมุนออกมาและปลุกเหล่าขุนพลอสูรที่หลับไหลให้มาเป็นลูกน้องของตน ต่อมาโอนิมารูและพรรคพวกไปที่รัฐสภาและเปลี่ยนรัฐสภานั้นเป็นปราสาทของตน และเริ่มปฏิบัติการครองญี่ปุ่นเพื่อนำไปสู่การครองโลก ทางด้านไยบะได้ลองใช้ดาบอัสนีเทพแต่ว่าดาบมีพลังที่รุนแรงมากจนเกือบจะทำให้ไยบะถูกอัสนีเทพที่สถิตย์ในดาบนั้นครอบงำ พวกมุซาชิจึงต้องพยายามไม่ให้ไยบะใช้พลังอัสนีเทพเพื่อไม่ให้ไยบะกลายเป็นปิศาจเหมือนโอนิมารูอีกคน มุซาชิต้องการไปพบโอนิมารูโดยที่ไยบะก็อยากไปด้วย พวกไยบะมาถึงปราสาทโอนิมารูทำให้โอนิมารูรู้แล้วว่าอาบอัสนีเทพนั้นไยบะครอบครองอยู่ ไยบะพยายามใช้พลังอัสนีเทพแต่ก็เกือบโดนปีศาจครอบงำหลายครั้งจนมุซาชิต้องกำชับไยบะว่าต้องฝึกฝนให้จิตใจแข็งแกร่งเพื่อสามารถต่อกรกับพลังของอัสนีเทพให้ได้

โอนิมารูได้ส่งลูกสมุนอสูรของตนมาจัดการกับพวกไยบะ ไยบะจำเป็นต้องใช้พลังอัสนีเทพแต่ว่าก็ยังไม่สามารถควบคุมจิตได้จนเกือบจะถูกปีศาจเข้าสิง ในระหว่างต่อสู้นั้นลูกแก้วที่ติดกับดาบอัสนีเทพได้หลุดออกมาทำให้ไยบะหายจากการถูกครอบงำ ทำให้ทุกคนได้รู้ว่าแหล่งกำเนิดพลังของดาบอัสนีเทพนั้นคือลูกแก้วอัสนีเทพนั่นเอง หากดาบไม่มีลูกแก้วจะเป็นเพียงแค่ดาบธรรมดา ไยบะจึงต้องพยายามสู้กับเหล่าบรรดาสมุนของโอนิมารูที่ส่งมาเพื่อแย่งชิงดาบอัสนีเทพ โดยที่การต่อสู้นั้นก็เป็นการฝึกปรือให้ตนได้แข็งแกร่งพอที่จะควบคุมพลังของอัสนีเทพได้ในอนาคต

การต่อสู้กับโอนิมารู

พวกไยบะต่อสู้กับบรรดาเหล่าสมุนของโอนิมารูมากมายที่ถูกส่งมาเพื่อแย่งชิงดาบอัสนีเทพ แต่ว่าในการต่อสู้นั้นทำให้ไยบะได้พรรคพวกเพิ่มนั่นคือ เกโร่ซาเอม่อน ที่เป็นหนึ่งในแปดขุนพลอสูรของโอนิมารู รวมไปถึงมนุษย์ปลาดาวและมนุษย์ปลิงนั้นได้เป็นพันธมิตรกับพวกไยบะด้วย ต่อมาโอนิมารูได้คืนชีพให้กับซามูไรในตำนานอีกคนผู้เป็นคู่ปรับของมุซาชินั่นคือ ซาซากิ โคจิโร่ ไยบะต่อสู้กับโคจิโร่อย่างยากลำบากเพราะโคจิโร่มีดาบวิเศษที่สามารถยืดได้นั่นคือ “ดาบโมโนโฮชิซาโอ” แม้ว่าไยบะจะมีท่าไม้ตายอย่าง “ดาบกังหัน” ก็ไม่อาจเอาชนะโคจิโร่ได้ มุซาชิเห็นไยบะถูกฟ้าผ่าโดยบังเอิญแต่ไยบะยังยียวนกวนประสาทโคจิโร่ได้ มุซาชิจึงคิดว่าตอนนี้ถึงเวลาเหมาะสมแล้วที่ไยบะแกร่งพอจะใช้พลังของอัสนีเทพได้ ซึ่งไยบะก็สามารถเอาชนะอัสนีเทพได้ทำให้ใช้พลังสายฟ้าได้ ไยบะใช้พลังของอัสนีเทพสู้กับโคจิโร่จนโคจิโร่ยอมแพ้และขอเป็นพรรคพวกไยบะด้วย ไยบะฮึกเหิมขึ้นมาที่ตนใช้พลังอัสนีเทพได้จึงต้องการไปสู้กับโอนิมารู แต่มุซาชิปรามไยบะไว้และบอกว่าให้ไยบะคิดค้นท่าไม้ตายใหม่เพื่อให้ตนไปสู้กับโอนิมารูได้ ในที่สุดไยบะได้ท่าไม้ตายใหม่นั่นคือ “ดาบฟ้าผ่า” และพวกไยบะได้บุกเข้าไปที่ปราสาทโอนิมารูและฝ่าฟันอุปสรรคและกับดักมากมายในปราสาทรวมไปถึงบรรดาสมุนของโอนิมารูจนได้สู้กับโอนิมารู

ไยบะได้ใช้พลังของอัสนีเทพเข้าต่อสู้กับโอนิมารูที่ใช้พลังของดาบวายุเทพอย่างดุเดือดและสูสี ในตอนท้ายของการต่อสู้ ทั้งสองได้โจมตีซึ่งกันและกันจนทำให้ปราสาทโอนิมารูถูกทำลาย ดาบวายุเทพของโอนิมารูหักและลูกแก้วอัสนีเทพของไยบะหลุดออกมา โอนิมารูได้เปิดเผยปราสาทลอยฟ้าโอนิมารูออกมาและหนีไปพร้อมกับนำปลายดาบวายุเทพที่หักกับลูกแก้วอัสนีเทพไปด้วย ไยบะพยายามไม่ให้โอนิมารูหนีแต่ก็ไม่ได้ผล พวกไยบะได้รับชนะกลายๆเนื่องจากดาบวายุเทพของโอนิมารูหักและโอนิมารูหนีไป พวกไยบะครุ่นคิดว่าหากโอนิมารูมีปราสาทลอยฟ้าจะไปสู้กับโอนิมารูได้อย่างไร ต่อมาได้พบแผนที่โบราณโดยบังเอิญที่บ้านมิเนะเป็นแผนที่ของประเทศญี่ปุ่นและมีการทำเครื่องหมาย 7 ตำแหน่งซึ่งนั่นคือตำแหน่งของ “ลูกแก้วเทพมังกร” ซึ่งตามตำนานกล่าวว่าผู้ที่ครอบครองลูกแก้วเทพมังกรจะสามารถเหาะเหินเดินอากาศและปราบมารร้ายได้ การผจญภัยครั้งใหม่ของพวกไยบะเพื่อออกตามหาลูกแก้วเทพมังกรได้เริ่มขึ้นแล้ว

การผจญภัยเพื่อตามหาลูกแก้วเทพมังกร

พวกไยบะออกตามหาลูกแก้วเทพมังกรไปทั่วประเทศญี่ปุ่น ทางด้านโอนิมารูก็รู้แล้วว่าพวกไยบะกำลังตามหาลูกแก้วเทพมังกรเพื่อมาปราบตนจึงทำการคืนชีพซามูไรผู้ชั่วร้ายในอดีตให้มาเป็นสมุนของตนเพื่อให้ไปจัดการพวกไยบะ พร้อมทั้งซ่อมแซมดาบวายุเทพที่เสียหายจากการต่อสู้กับไยบะในครั้งก่อนด้วย พวกไยบะต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมากมายจากการผจญภัยไปทั่วญี่ปุ่นเพื่อตามหาลูกแก้วมังกร พวกไยบะได้ลูกแก้วมา 6 ลูกคือ ลูกแก้ววารี ลูกแก้วทอง ลูกแก้วอัคคี ลูกแก้วหลวงพ่อโต ลูกแก้วแห่งความมืด ลูกแก้วน้ำแข็ง ในการเดินทางพวกไยบะได้พรรคพวกเพิ่มมาอีกคนคือ ยางิว จูเบ มิตสึโยชิ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของมุซาชิ นอกจากนี้ไยบะได้ท่าไม้ตายใหม่จากการผจญภัยครั้งนี้คือ “ดาบกงล้อลม” เมื่อมาถึงลูกแก้วลูกสุดท้ายที่คาดว่าคือลูกแก้วเทพมังกร พวกไยบะต้องสู้กับสมุนของโอนิมารูผู้แข็งแกร่งอย่างบาโชแต่ก็สามารถเอาชนะมาได้ แต่ทว่าลูกสุดท้ายนั้นไม่ใช่ลูกแก้วเทพมังกร หากแต่เป็นลูกแก้วนำทางเพื่อนำไปสู่ลูกแก้วเทพมังกรที่ถูกผนึกรักษาไว้ที่ภูเขาไฟฟูจิอันเป็นที่ตั้งของประสาทลอยฟ้าโอนิมารูเช่นกัน ในขณะที่โอนิมารูนั้นได้ดาบวายุเทพที่ซ่อมแซมเสร็จแล้วและได้ฝึกท่าไม้ตายใหม่คือ “ดาบพายุหมุน” เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับไยบะ

พวกไยบะมุ่งสู่ปราสาทลอยฟ้าโอนิมารูที่ภูเขาไฟฟูจิเพื่อไปหาลูกแก้วเทพมังกร ฝ่ายโอนิมารูก็โจมตีพวกไยบะอย่างเต็มกำลัง พวกไยบะหาทางไปยังปากปล่องภูเขาไฟฟูจิได้ โดยตามคำแนะนำของลูกแก้วนำทางบอกไยบะว่าผู้ที่ต้องการลูกแก้วเทพมังกรจะต้องได้รับการทดสอบสุดโหดและจะต้องสละลูกแก้วทั้งหมดที่รวบรวมมาได้ ไยบะยอมทำตามเงื่อนไขที่ต้องสละลูกแก้วเพื่อเข้ารับการทดสอบ พวกไยบะเข้าสู่ปราการมังกรและเข้ารับการทดสอบสุดโหดในแต่ละด่านซึ่งแต่ละด่านไยบะต้องสูญเสียเพื่อนไปทีละคนจนทำให้ไยบะเกือบจะถอนตัวแต่ก็กัดฟันสู้ต่อ เมื่อมาถึงด่านสุดท้ายไยบะได้พบกับ “เทพมังกร”

ผู้ครอบครองลูกแก้วเทพมังกร การทดสอบครั้งสุดท้ายคือการเลือกระหว่างลูกแก้วเทพมังกรกับเพื่อนๆของไยบะทั้งหมด หากเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง สิ่งที่ไม่ได้เลือกจะถูกทำลาย ไยบะตัดสินใจเลือกเพื่อนๆ เพราะไม่อาจจะทิ้งเพื่อนไปเลือกลูกแก้วเทพมังกรได้ เทพมังกรชื่นชมไยบะที่เลือกเพื่อนเพราะจิตใจของไยบะเต็มไปด้วยคุณธรรมจึงให้ลูกแก้วเทพมังกรกับไยบะ ลูกแก้วเทพมังกรนั้นทำให้ดาบอัสนีเทพของไยบะเปลี่ยนร่างเป็น “ดาบมังกรเทวะ” ลูกแก้วเทพมังกรนอกจากจะทำให้ไยบะบินได้นั้นได้รวมเอาพลังของลูกแก้วทั้ง 7 อย่างไว้และมีพลังเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเท่า ไยบะที่มีพลังของลูกแก้วเทพมังกรได้ออกไปสู้กับโอนิมารูทันทีซึ่งทางโอนิมารูก็พร้อมสู้กับไยบะเช่นกัน ทั้งสองคนใช้พลังใหม่ของตนห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ จนกระทั่งมียานอวกาศลึกลับจากดวงจันทร์มาตรงที่พวกไยบะต่อสู้อยู่ สิ่งที่มาจากดวงจันทร์นั้นคือมหันตภัยครั้งใหม่ของโลกเลยทีเดียว

คางูยะ ราชินีจากดวงจันทร์

ผู้ที่มาเยือนโลกจากดวงจันทร์นั่นคือ คางูยะ ราชินีชาวจันทรา คางูยะมาที่โลกนั้นเพื่อยึดครองโลกและต้องการแก้แค้นเทพมังกร เนื่องจากเมื่อพันปีก่อนคางูยะพ่ายแพ้ให้กับเทพมังกร ไยบะกับโอนิมารูต้องพักรบกันชั่วคราวเนื่องจากคางูยะมารุกรานโลก คางูยะล่วงรู้แล้วว่าเทพมังกรนั้นได้ถ่ายทอดพลังไว้ในลูกแก้วและมีไยบะเป็นผู้ครอบครอง ไยบะฝึกฝนตัวเองเพิ่มเติมเพื่อที่จะดึงพลังของดาบมังกรเทวะให้ได้อย่างเต็มที่ ส่วนโอนิมารูนั้นกลายเป็นเป้าหมายของคางูยะแทนเพราะต้องการครอบครองญี่ปุ่นแทนโอนิมารู การต่อสู้ระหว่างคางูยะกับโอนิมารูนั้นเป็นไปอย่างดุเดือดชนิดข้ามวันข้ามคืน หากแต่นั่นคือเป้าหมายของโอนิมารูเนื่องจากโอนิมารูได้ล่วงรู้ถึงจุดอ่อนของคางูยะว่าเธอจะต้องได้รับเอกิสหรือพลังชีวิตของหญิงสาวทุกๆ 24 ชั่วโมงเพื่อจะคงความงามของตน หากไม่ได้รับเอกิสร่างกายของคางูยะจะค่อยๆกลายเป็นคนแก่และเจ็บปวดทรมาน ในขณะที่หญิงสาวที่ถูกคางูยะดูดเอกิสจะกลายเป็นคนแก่ ไยบะตามมาสมทบในการต่อสู้ โอนิมารูเล่นงานคางูยะที่ไม่ได้รับเอกิสจนเกือบจะฆ่าคางูยะได้แล้ว แต่โอนิมารูประมาทเกินไป ถูกคางูยะใช้ปืนคาร์บอนฟรีซยิงใส่โอนิมารูจนกลายสภาพถูกแช่แข็ง พวกคางูยะถอนทัพไปแต่ไยบะได้นำโอนิมารูที่ถูกแช่แข็งกลับไปพร้อมกับพรรคพวกโอนิมารู พวกไยบะกับโอนิมารูยอมจับมือเป็นพันธมิตรกันเพื่อต่อต้านคางูยะ

พวกไยบะและสมุนโอนิมารูได้วางแผนการรบกันที่บ้านมิเนะ ส่วนคางูยะได้ส่งสมุนมาเพื่อจัดการกับไยบะ ซายากะถูกสมุนของคางูยะชิงตัวไปเพื่อล่อให้ไยบะออกมา คางูยะขู่ไยบะโดยการดูดเอกิสของซายากะไปนิดหนึ่งจนคางูยะเริ่มแปลงร่างเป็นปีศาจ ไยบะช่วยซายากะไว้ได้และหนีไป เหตุการณ์นี้ทำให้ทราบว่าคางูยะจะสามารถคืนร่างเดิมเป็นปีศาจได้หากได้ดูดเอกิสของซายากะเนื่องจากซายากะสืบเชื้อสายของธิดามังกร ทำให้เป้าหมายของคางูยะเปลี่ยนไปเป็นตามล่าซายากะแทน ต่อมาพวกไยบะได้ต่อสู้กับเก็คโคผู้ร้ายกาจ เนื่องจากเก็คโคนั้นได้เอาดาบต้องห้ามของคางูยะมาใช้นั่นคือ “ดาบจอมมาร” ที่มีพลังขนาดทำลายดาวเคราะห์ได้ ไยบะพ่ายแพ้กับเก็คโคไปอย่างหมดท่า ซายากะขอชีวิตไยบะโดยการยอมไปกับเก็คโค ไยบะหมดหนทางต่อสู้เนื่องจากดาบจอมมารนั้นร้ายกาจเกินไปที่จะสู้คนเดียว หนทางอันมืดมนเริ่มมีแสงริบหรี่นั่นคือการทำให้โอนิมารูคืนชีพ ไยบะทำให้โอนิมารูหายจากการถูกแช่แข็งและได้เห็นถึงความร้ายกาจของเก็คโคที่ออกมาประกาศว่าคางูยะจะทำการคืนร่างเดิมในคืนวันเพ็ญทำให้ในที่สุดโอนิมารูและไยบะยอมร่วมมือกันเพื่อต่อกรกับคางูยะ

เมื่อถึงวันคืนเดือนเพ็ญ พวกไยบะและโอนิมารูบุกไปยังฐานทัพของคางูยะเพื่อไปช่วยซายากะและสามารถช่วยซายากะไว้ได้ โอนิมารูกับไยบะร่วมมือกันต่อสู้กับเก็คโคที่มีดาบจอมมารอยู่ในมือ ไยบะกับโอนิมารูเสียเปรียบเนื่องจากพลังของดาบจอมมารนั้นร้ายกาจเกินไป แต่ทางโอนิมารูยังมีอาวุธลับนั่นคือ “ปืนบาซูก้าสายฟ้าวายุ” อาวุธที่นำพลังของวายุเทพและอัสนีเทพซึ่งมีพลังทำลายล้างสูง (แต่ยิงได้แค่ 1 ครั้ง) โอนิมารูยิงปืนบาซูก้าใส่เก็คโคแต่ไม่เป็นผล ไยบะกับโอนิมารูจึงรวมพลังวายุเทพและอัสนีเทพโจมตีเข้าใส่เก็คโคจนเอาชนะได้ ซายากะถูกชิงตัวกลับไป ไยบะพยายามไปช่วยแต่ไม่เป็นผล ซายากะถูกคางูยะดูดกลืนเอกิสเข้าไปจนคืนร่างเดิมเป็นปีศาจขนาดยักษ์ ไยบะแค้นที่คางูยะดูดเอกิสของซายากะ ไยบะสัญญากับซายากะว่าจะเอาชนะคางูยะให้ได้ ไยบะกับโอนิมารูร่วมมือกันโดยจะใช้พลังวายุอัสนี แต่คางูยะชิงลงมือก่อนซึ่งพลังของคางูยะในร่างปีศาจนี้มากกว่าเดิมหลายเท่า ดาบอัสนีเทพของไยบะถูกคางูยะกลืนเข้าไป โอนิมารูจึงให้ดาบวายุเทพกับไยบะเพื่อให้ไยบะได้ใช้พลังลูกแก้วเทพมังกร ส่วนโอนิมารูไปเอาดาบจอมมารของเก็คโคแทน ไยบะใช้ลูกแก้วเทพมังกรเปลี่ยนดาบวายุเทพเป็นดาบมังกรเทวะเข้าสู้กับคางูยะ แต่คางูยะยังมีพลังมหาศาลกว่าไยบะหลายเท่า ไยบะจึงใช้พลังทั้ง 7 พร้อมกันทำให้มีมังกรออกมา รวมไปถึงโอนิมารูที่ใช้ดาบจอมมารก็มาช่วยไยบะสู้อีกคน คางูยะจึงใช้ไพ่ใบสุดท้ายโดยการรวมร่างกับโลก ทำให้พวกไยบะตกที่นั่งลำบากเพราะโลกกลายเป็นร่างกายของคางูยะ ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังนั้นเทพมังกรปรากฏตัวออกมาบอกให้ไยบะใช้พลังทั้งหมดยิงไปที่โลก ซึ่งคางูยะขู่ว่าถ้าไยบะยิงตนโลกก็จะแหลกไปด้วย ไยบะนึกถึงสิ่งที่คางูยะทำกับซายากะแล้วจึงปล่อยพลังทั้งหมดยิงไปที่โลก ผลสุดท้ายโลกไม่ระเบิด เนื่องจากคางูยะรับพลังทั้งหมดนั้นไว้จนตนเองเข้าสู่นิทราอีกครั้ง และจะไม่ตื่นขึ้นมาหากธรรมชาติไม่ถูกทำลายจนเสียสมดุล โลกรอดพ้นจากเงื้อมมือของคางูยะ เทพมังกรจึงหายไปพร้อมกับลูกแก้วเทพมังกร ผู้หญิงที่ถูกคางูยะดูดเอกิสไปจนกลายเป็นคนแก่รวมทั้งซายากะด้วยนั้นกลับคืนสู่สภาพเดิม ไยบะได้ดาบอัสนีเทพคืนมาและได้ดาบวายุเทพที่โอนิมารูให้มา ส่วนโอนิมารูได้ดาบจอมมารไปและทั้งสองสัญญาว่าจะกลับมาสู้กันในอนาคต โลกจึงกลับมาสงบสุขอีกครั้ง

การต่อสู้กับชาวใต้พิภพ

เวลาผ่านไปหลายเดือนหลังจากการต่อสู้กับคางูยะ พวกไยบะเผชิญหน้ากับศัตรูลึกลับที่แข็งแกร่งอย่าง “จอมอัคนี” แม้ไยบะเองก็ไม่สามารถต่อกรได้ ต่อมามีพีระมิดขนาดใหญ่ขึ้นมาจากใต้ดินที่โตเกียวพร้อมกับแผ่นดินไหวที่รุนแรงมาเป็นระลอกๆ ไยบะอดทนฝึกฝนจนกระทั่งได้ท่าไม้ตายใหม่คือ “เพลงดาบกากบาท” ซึ่งเป็นการผนึกกำลังของดาบอัสนีเทพและดาบวายุเทพ ไยบะสามารถเอาชนะจอมอัคนีได้ในเวลาต่อมาแต่ตนเองจะระเบิดตัวเองไปกับไยบะ เอมเมอรัลหญิงสาวปริศนาได้มาช่วยไยบะได้พอดี เธอได้เล่าถึงแผนการณ์บางอย่างที่จอมอัคนีพูดไว้ เอเมอรัลบอกว่าหากไม่หยุดยั้งเครื่องที่ทำให้แผ่นดินไหวภายในพีระมิด ญี่ปุ่นจะจมอยู่ใต้น้ำ พวกไยบะและเอเมอรัลจึงเข้าไปในพีระมิดนั้นเพื่อยับยั้งแผนการณ์จมญี่ปุ่น ในพีระมิดมีศัตรูมากมายที่พวกไยบะต้องเผชิญหน้าแต่ก็สามารถผ่านพ้นมาได้ ต่อมาได้เผชิญหน้ากับ 3 นักรบคือ ไดมอนด์ รูบี้และแซฟไฟร์ ทั้ง 3 คนมีความร้ายกาจจนทำให้ไยบะยากที่จะรับมือ และได้รู้ความจริงว่าเอเมอรัลก็เป็น 1 ในพรรคพวกของ 3 คนนั้น ทั้ง 4 คนรวมร่างเป็นจิวเวล แม้ไยบะจะปลดปล่อยให้อัสนีเทพและวายุเทพมาครอบงำเพื่อให้ศัตรูไม่สามารถเดาทางได้แต่ก็ไม่เป็นผล ไยบะต่อสู้จนร่างกายสะบักสะบอม ทันใดนั้นดาบอัสนีเทพและวายุเทพที่ใช้พลังจนเกินขีดจำกัดได้รวมร่างเป็น “ดาบจอมราชันย์” ไยบะสามารถเอาชนะจิวเวลและได้เอมเมอรัลกลับมาเป็นพวกอย่างตอนแรกและรีบเร่งขึ้นไปยังชั้นบนสุดของพีระมิดเพื่อหยุดทำลายเครื่องสร้างแผ่นดินไหวไม่ให้ญี่ปุ่นจมใต้บาดาล พวกไยบะทำสำเร็จแต่ต้องสังเวยชีวิตของเอมเมอรัล แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้นกลับมีพีระมิดสีดำขนาดใหญ่โผล่มาจากใต้ดินขึ้นตามเมืองใหญ่ทั่วโลกและเริ่มทำลายเมืองจนพินาศ

ผู้อยู่เบื้องหลังพีระมิดดำนั่นคือ “ชาวใต้พิภพ” ซึ่งต้องการจะยึดโลกนี้เป็นของตัวเอง พวกไยบะหาทางลงไปยังจักรวรรดิ์ใต้พิภพซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวใต้พิภพเพื่อให้เอาพีระมิดดำกลับมาจากพื้นโลก พวกไยบะเผชิญหน้ากับยักษ์ 2 ตนที่แข็งแกร่งอย่างซิลเวอร์และโกลด์ ในขณะที่ไยบะกำลังสู้กับเหล่ายักษ์นั้น โอนิมารูก็อยู่ในที่นั้นด้วย โอนิมารูใช้พลังของดาบจอมมารทำให้โกลด์กลายเป็นปิศาจที่อยู่ใต้อาณัติของโอนิมารู ไยบะต้องยับยั้งโกลด์เพื่อไม่ให้มันทำลายจักรวรรดิ์ใต้พิภพและสามารถเอาชนะโกลด์ได้ หัวหน้าของชาวใต้พิภพเสียรู้โอนิมารูที่โดนหลอกใช้ จากนั้นให้พีระมิดดำกลับมาจากพื้นโลกและยอมให้โอกาสพวกไยบะได้กลับไปสู่พื้นโลกด้วยความหวังว่ามนุษย์จะกลับใจไม่ทำลายโลกได้

มารร้ายในตำนานคืนชีพ

ซายากะบังคับให้ไยบะไปโรงเรียนเนื่องจากโลกสงบสุขมาได้พักใหญ่ แต่ความสงบสุขนั้นได้หมดลงเพราะว่ามีศัตรูหน้าใหม่คือบรรดาเทพอสรูที่โอนิมารูส่งมาฆ่าไยบะ แต่ไยบะก็สามารถเอาชนะได้อย่างทุลักทุเลและได้ล่วงรู้ว่าโอนิมารูกำลังจะเริ่มแผนการณ์บางอย่างที่เลวร้ายอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนคือต้องการทำลายผนึกศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 แห่งที่กระจายอยู่ทั่วญี่ปุ่นเพื่อให้คลายมนต์สะกดของ “มารร้ายในตำนาน” ให้ฟื้นคืนชีพจากการหลับไหลมานับหมื่นปี พวกไยบะวางแผนไปยังแท่นผนึกศักดิ์สิทธิ์แห่งสุดท้ายก่อนพวกโอนิมารู ขณะที่ไยบะต่อสู้กับพวกโอนิมารูอยู่นั้น “เทพมังกร” ได้ฟื้นคืนชีพมาช่วยไยบะสู้ด้วย เทพมังกรได้บอกวิธีการปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของดาบจอมราชันย์ให้ไยบะ เทพมังกรยอมสละชีวิตของตนเพื่อช่วยไยบะจากการถูกสมุนของโอนิมารูเล่นงาน พวกไยบะต่อต้านจนสุดความสามารถแล้วแต่ก็ไม่อาจยับยั้งแผนการณ์อันชั่วร้ายนี้ได้ โอนิมารูทำลายผนึกศักดิ์สิทธิ์อันสุดท้าย แผ่นดินดูดกลืนทุกสิ่ง มีแต่เพียงไยบะ ซายากะและมุซาชิที่รอด (รวมถึงโชโนสุเกะ) แผ่นดินของประเทศญี่ปุ่นได้กลายเป็นอสุรกายขนาดใหญ่เท่ากับประเทศญี่ปุ่นและโอนิมารูก็สั่งให้มันทำลายล้างโลก ไยบะไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากมารร้ายมีขนาดใหญ่มากและโดนโอนิมารูเล่นงานจนปางตาย

อย่างไรก็ตามพวกไยบะรอดจากการถูกมารร้ายโจมตีจากการช่วยเหลือของชาวใต้พิภพ พวกไยบะหมดหนทางชนะเนื่องจากโอนิมารูได้ควบคุมมารร้ายนี้ออกไปทำลายโลกแม้แต่ดาบจอมราชันย์ก็ไม่อาจต้านทานได้ แต่ชาวใต้พิภพได้เปิดเผยว่ายังมีปีศาจอีกตนที่กำลังจะคืนชีพนั่นคือราชินีแห่งดวงจันทร์ “คางูยะ” พวกไยบะและชาวใต้พิภพวางแผนที่จะขอยืมพลังของคางูยะเพื่อไปสู้กับโอนิมารูและมารร้าย ซายากะจึงได้ลองเสี่ยงที่จะให้ใช้ร่างกายตัวเองให้คางูยะมาสิงร่างของตน ผลคือคางูยะคืนชีพในร่างของซายากะ คางูยะยอมร่วมมือกับพวกไยบะเพราะไม่ต้องการให้โอนิมารูกับมารร้ายนั้นทำลายโลกไปมากกว่านี้ มารร้ายนั้นได้เปลี่ยนร่างเป็นปีศาจอสรพิษ 7 หัวคือ “ยามาตะโนะโอริจิ” คางูยะยอมเข้าไปในร่างของโอโรจิเพื่อสะกดหัวใจทำให้โอโรจิไม่ขยับไปไหนและให้ไยบะตัดเขาของโอโรจิเพื่อให้มารร้ายนั้นกลับไปเป็นแผ่นดินเหมือนเดิม ทางด้านไยบะกับโอนิมารูได้ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายภายในเวลาอันจำกัดเนื่องจากร่างของซายากะไม่อาจทนพลังของคางูยะได้จนกระทั่งเวลาตะวันตกดิน ทั้งโอนิมารูและไยบะใช้พลังที่แท้จริงของดาบของตน โอนิมารูมีความร้ายกาจมากกว่าแต่ก่อน เล่นงานไยบะจนเกือบเพลี่ยงพล้ำ แต่ไยบะสามารถเอาชนะโอนิมารูได้และตัดเขาของโอโรจิ มารร้ายกลับไปเป็นแผ่นดินประเทศญี่ปุ่นเหมือนเดิม เพื่อให้การผนึกโอโรจิเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ไยบะต้องใช้ดาบจอมราชันย์สะกดโอโรจิไว้แต่ทำให้ไยบะต้องสูญเสียดาบนี้ไปตลอดกาล ไยบะยอมสละดาบจอมราชันย์ โอนิมารูกลับมาเป็นมนุษย์ปกติเหมือนเดิมไม่ใช่ปีศาจอีกต่อไป โลกจึงสงบสุขจากเงื้อมมือของปีศาจมารร้าย

การประลองโอดะโนบุนางะ

เวลาผ่านไปหลังจากการต่อสู้กับเหล่าปีศาจ ไยบะกลับไปเป็นนักกีฬาเคนโด้และได้เป็นผู้ชนะเชิศในการแข่งขันเคนโด้ระดับประเทศ แต่แล้วมีเด็กสาวลึกลับปรากฏตัวต่อหน้าพวกไยบะและได้บอกว่าตนคือน้องสาวของไยบะคือ คุโรงาเนะ โมโรฮะ เธอปรามาสว่าไยบะยังไม่ใช่ซามูไรอันดับหนึ่ง และได้บอกอีกว่าพ่อที่แท้จริงของเธอและไยบะนั้นไม่ใช่เคนจูโร่ แต่คนที่เป็นเคนจูโร่คนนั้นได้ฆ่าพ่อของไยบะและโมโรฮะแถมยังเอาชื่อของเคนจูโร่ไปใช้ ไยบะไม่เชื่อในสิ่งที่โมโรฮะพูด โมโรฮะได้พาพวกไยบะไปยังคฤหาสถ์ของตน

และได้พบกับแม่ของโมโรฮะซึ่งก็เป็นแม่ของไยบะเช่นกันแต่ว่าเธอนั้นเกลียดเคนโด้ ซึ่งไยบะรู้แค่เพียงว่าเคนจูโร่บอกว่าแม่ไยบะตายไปแล้ว และแม่ของไยบะเป็นนายท่านของแก๊งเหล็กไหลซึ่งมีอิทธิพลในโลกมืด ปริศนาหลายอย่างได้ถาโถมมาที่พวกไยบะจนตั้งตัวไม่ติด โมโรฮะได้บอกว่าปริศนาต่างๆให้ไปถามเคนจูโร่ ซึ่งจะต้องไปที่งานประลองโอดะโนบุนางะ การประลองในโลกมืดที่มีมาแต่ครั้งอดีต ไยบะตัดสินใจที่จะเข้าร่วมงานประลองนี้เพื่อไปหาความจริงของตน และพ่อของตน รวมไปถึงพิสูจน์ฝีมือว่าตนเองนั้นคือซามูไรอันดับหนึ่งที่แท้จริง

พวกไยบะได้เดินทางไปยังเกาะโยโรอิซึ่งเป็นทางเข้าของงานประลองโอดะโนบุนางะ การประลองนี้เป็นการประลองนอกรีต ไม่มีกฎกติกา มีเพียงแค่การต่อสู้ฆ่าฟันอย่างเหี้ยมโหดและการพนันอันมหาศาล ไยบะใช้แค่เพียงดาบไม้ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อของไยบะเหลือไว้ให้กับแม่ ไยบะได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมืออันร้ายกาจมากมาย รวมไปถึงจูเบที่เข้าร่วมประลองด้วย ไยบะสามารถเอาชนะจูเบได้ และสามารถเอาชนะ โอกิตะ โซชิ นักดาบหนุ่มอัจฉริยะมาได้แต่ตนเองก็สะบักสะบอมไปหมด

ในรอบชิงชนะเลิศ คู่ต่อสู้ที่ไยบะเผชิญหน้านั่นคือโอนิมารูที่มาพร้อมกับเคนจูโร่ โอนิมารูบอกว่าตนไปหาเคนจูโร่เพื่อขอให้สอนตนเพื่อเอาชนะไยบะและเพื่อถึงแก่นแห่งดาบที่แท้จริง เคนจูโร่ได้สอนวิชาทุกอย่างให้กับโอนิมารูไปทั้งหมด เคนจูโร่บอกกับไยบะว่าถ้าต้องการรู้เรื่องราวความจริงทุกอย่างต้องเอาชนะโอนิมารูให้ได้ ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือดในนั้น โอนิมารูที่เป็นมนุษย์ปกติในตอนนี้นั้นมีความร้ายกาจยิ่งกว่าตอนเป็นปีศาจ ไยบะไม่สามารถต่อกรกับโอนิมารูในตอนนี้ได้ แต่ไยบะได้ใช้พลังเฮือกสุดท้ายจนสามารถเอาชนะโอนิมารูได้ ไยบะชนะเลิศการประลองโอดะโนบุนางะ

ความจริงทุกอย่างได้ปรากฏว่าเคนจูโร่นั้นคือพ่อจริงๆของไยบะและโมโรฮะ แต่จำเป็นที่ต้องสร้างเรื่องที่ฆ่าพ่อนั้นเพราะแม่ของทั้งสองไม่อยากให้ลูกๆของเธอต้องมาพัวพันในเรื่องดาบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เคนจูโร่ชอบและออกเดินทางเพื่อตามหาความฝันในการเป็นซามูไรรวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบหรูหราในคฤหาสถ์ที่เคนจูโร่ไม่ชอบแต่ตนชอบการใช้ชีวิตแบบติดดินมากกว่า เคนจูโร่กับไยบะได้กลับไปอยู่ที่คฤหาสถ์กับแม่ของไยบะและโมโรฮะ และก็ใช้ชีวิตเป็นครอบครัวเดียวกันเรื่อยมา

บทส่งท้าย

หลายปีผ่านไป พวกไยบะได้ออกเดินทางเพื่อผจญภัยและฝึกฝนฝีมือ ส่วนซายากะนั้นเป็นนักเรียนมัธยมปลาย เธอได้คิดถึงไยบะและการผจญภัยที่ผ่านมา ไยบะได้ปรากฏตัวออกมาอย่างบังเอิญ ไยบะที่เติบโตขึ้นนั้นได้ชวนซายากะออกไปผจญภัยด้วยกับพร้อมกับดาบเล่มใหม่ของไยบะ “ดาบมารคุซานางิ” ซึ่งทั้งสองคนได้บินไปพร้อมกันด้วยดาบเล่มใหม่ของไยบะ

เค-อง! ก๊วนดนตรีแป๋วแหววอนิเมะการ์ตูนยุค90 เท่ เซ็กซี่ ตาหวาน ขายาว

เค-อง! ก๊วนดนตรีแป๋วแหวว เป็นมังงะซึ่งแต่งเรื่องและเขียนภาพโดย คาคิฟลาย  ลงเป็นตอน ๆ ในนิตยสารแนวเซเน็ง มังงะไทม์คิราระ  และนิตยสาร มังงะไทม์คิราระกะรัต ของสำนักพิมพ์โฮบุนชะ  ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2550 ถึงเดือนตุลาคม 2553

ในประเทศญี่ปุ่น เกียวโตแอนิเมชัน  ผลิตมังงะดังกล่าวเป็นอนิเมะโทรทัศน์ ใช้ชื่อเดียวกัน ความยาวสิบสามตอน ฉายตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2552, โอวีเอความยาวหนึ่งตอน ขายในเดือนมกราคม 2553, อนิเมะโทรทัศน์ ฤดูกาลที่สอง ความยาวยี่สิบหกตอน ใช้ชื่อว่า เค-อง!! ฉายตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกันยายน 2554, โอวีเอ ความยาวหนึ่งตอน ขายในเดือนมีนาคม 2554, และอนิเมะโรง ฉายตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2554 ตามลำดับ เนื้อหาต่อเนื่องกัน

เนื้อเรื่อง

เรื่องราวว่าด้วยเด็กสาวสี่คนซึ่งเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียนซากุระงาโอกะได้แก่ ฮิราซาวะ ยุย, อากิยามะ มิโอะ, ไทนากะ ริทสึ, และโคโตบุกิ สึมุกิ ตามลำดับ ทั้งสี่เป็นสมาชิกชมรมดนตรีของโรงเรียน ชื่อว่า ชมรม “เค-อง” (K-On) ย่อมาจาก “คารุอิ-องงากุ” หรือ “เค-องงากุ” หมายถึง ดนตรีเบา (light music) ซึ่งเป็นดนตรีป๊อปแขนงหนึ่งของญี่ปุ่น

ในตอนต้น ยุยเล่นดนตรีไม่เป็น แต่ภายหลัง ทั้งฝึกฝนเอง และเพื่อนร่วมชมรมช่วยฝึกฝนให้ จึงเรียนรู้ดนตรีจนสามารถเล่นกีตาร์ นับแต่นั้น ยุย พร้อมด้วยมิโอะ ซึ่งเล่นเบส, ริทสึ เล่นกลองชุด และสึมุกิ เล่นคีย์บอร์ด ก็ตั้งวงดนตรีประจำชมรมออกแสดงดนตรี และใช้ชีวิตร่วมกัน

ชมรมเค-องมียามานากะ ซาวาโกะ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ซาวาโกะเองเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนซากุระงาโอกะ และเคยเป็นสมาชิกชมรมเค-องเช่นกัน สมัยนั้น เธอและเพื่อนตั้งวงดนตรีชื่อ “เดธเดวิล” (Death Devil) ต่อมา เธอตั้งชื่อให้วงดนตรีของยุยว่า “เวลาน้ำชาหลังเลิกเรียน” (ราชบัณฑิตยสภา: โฮกะโงะทีไทม์; Hokago Tea Time) เนื่องมาจากสมาชิกชมรมเค-อง รวมทั้งเธอเอง มักจิบน้ำชาลอยชายกันเมื่อเลิกเรียน มากกว่าจะซ้อมดนตรี

เมื่อสมาชิกทั้งสี่ขึ้นสู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แล้ว ชมรมก็ได้สมาชิกใหม่อีกหนึ่งคน เป็นนักกีตาร์รุ่นน้องชื่อ นากาโนะ อาซึสะ ครั้นทั้งสี่สำเร็จการศึกษาและเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยสตรีเจ. (J. Women’s University) ด้วยกัน เหลืออาซึสะเป็นสมาชิกชมรมเพียงผู้เดียว เธอจึงสืบทอดชมรม โดยตั้งวงดนตรีใหม่ของชมรม ชื่อวง “วากาบะเกิลส์” (Wakaba Girls) มีซาวาโกะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเช่นเคย และได้สมาชิกใหม่ คือ ฮิราซาวะ อุย น้องของยุย และเป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอ, ตลอดจน สึซึกิ จุน, ซาอิโต สุมิเระ และโอคุดะ นาโอะ ร่วมดำเนินชีวิตวัยเรียนด้วยกันต่อไป

ตัวละคร

วงดนตรีเวลาน้ำชาหลังเลิกเรียน (รุ่น 1)

ฮิราซาว่า ยุยให้เสียงโดย:อากิ โทโยซากิวันเกิด 27 พฤศจิกายน ราศีธนู ส่วนสูง 156 ซม. น้ำหนัก 50 กก. กรุ๊ปเลือด Oตัวละครหลักของเรื่อง เป็นหนึ่งในสมาชิกของชมรม K-On ใช้กีตาร์ไฟฟ้ายี่ห้อ Gibson รุ่น Les Paul Standard สี Heritage Cherry Sunburst โดยยุยตั้งชื่อเล่นให้กับกีตาร์ว่า “กีตะ”เธอนั้นทึ่ม เรียนไม่เก่ง แต่ทว่าหากเธอตั้งใจทำอะไรแล้วจะตั้งใจทำจนสำเร็จ ยุยเข้าชมรม K-On เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นชมรม “เคองงากุ” (ดนตรีเบา ๆ อย่างการผิวปาก) เริ่มเล่นกีตาร์โดยไม่มีประสบการณ์มาก่อน ไม่รู้แม้กระทั่งจูนเนอร์คืออะไร เป็นคนลืมง่ายเมื่อได้เรียนรู้เรื่องใหม่ แต่มีประสาทสัมผัสทางดนตรีดีเยี่ยม (มีความสามารถพิเศษที่เรียกว่า เพอร์เฟคพิช เป็น 1 ใน 5 ความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์) ขนาดจูนสายได้โดยไม่ต้องมีจูนเนอร์ มีความกล้าแสดงออกสูง ความเครียดไม่มีผลกับยุยเลย (ยุยแทบจะไม่เคยเครียดยกเว้นเรื่องขนมและของกิน) เป็นคนที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน แพ้อากาศร้อนและแอร์ ฤดูร้อนจะนอนกลิ้งไปกลิ้งมา ส่วนฤดูหนาวจะหมกอยู่แต่ในโต๊ะอุ่นขา ผลการเรียนอยู่ในระดับเฉียดฉิวตลอด

ไทนากะ ริทสึ ให้เสียงโดย:ซาโตมิ ซาโตวันเกิด 21 สิงหาคม ราศีสิงห์ ส่วนสูง 154 ซม. น้ำหนัก 48 กก. กรุ๊ปเลือด Bริทสึ (หรือริทจัง ชื่อเล่นที่ตั้งโดยยุย) เป็นประธานชมรม K-On! เล่นกลอง Yamaha Hipgig Drumset สาเหตุที่เธอเล่นกลองนั้น เธอบอกว่ามัน “เท่” แต่จริง ๆ แล้วเธอไม่ถนัดเล่นเครื่องดนตรีที่ใช้นิ้ว เป็นคนลากมิโอะเข้าชมรม เวลาตีกลองจะตีโอเวอร์เบส (ไม่ค่อยตีฉาบกับแคลช) แต่พออยู่ในวงเสียงกลับลงตัวพอดี ทั้งที่เธอเป็นประธานชมรมแต่กลับมักลืมเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น เอกสารขออนุญาตทำกิจกรรมชมรม ฯลฯ ให้กับกรรมการนักเรียนเป็นประจำจนเกือบทำให้ชมรมต้องถูกยุบ เป็นคนคิดอะไรแล้วจะลงมือทำทันที เธอเป็นเพื่อนกับมิโอะมาตั้งแต่สมัยประถม ชอบแกล้งมิโอะตลอดโดยเฉพาะการแอบถ่ายรูป และเป็นคนชวนมิโอะเล่นดนตรีเธอมีน้องชายชื่อซาโตชิ

อากิยามะ มิโอให้เสียงโดย:โยโกะ ฮิกาซะวันเกิด 15 มกราคม ราศีมังกร ส่วนสูง 160 ซม. น้ำหนัก 54 กก. กรุ๊ปเลือด A มิโอะ เป็นคนที่ขี้อายที่สุดในชมรม K-On! เป็นมือเบส Fender รุ่น Jazz Bass สี 3 color sunburst สาเหตุที่เล่นเบสนั้นเพราะเบสมีเสียงโทนต่ำลึกซึ้ง ถึงความรู้สึกไม่เด่นแต่คอยหนุนหลังเพื่อนร่วมวงอยู่ การทำเสียงลายเบสให้เข้ากับทุกคนก็สนุกมากด้วย มิโอะยังคิดว่าการควบคุมเสียงไม่ให้โดดเกินไปและไม่ให้ถูกเพื่อนกลบเป็นคุณลักษณะที่ดีของมือเบส เธอจึงคิดที่จะเล่นเบสและใฝ่ฝันที่จะเป็นมือเบสแบบนั้นมาตลอด มิโอะเป็นเพื่อนกับริทสึตั้งแต่สมัยประถม และเป็นคนที่ขี้กลัวมากจึงมักถูกเพื่อนในวงโดยเฉพาะริทสึแกล้งเป็นประจำ นอกจากนี้เธอยังน่ารักเป็นพิเศษด้วย

โคโตบุกิ สึมุกิห้เสียงโดย:มินาโกะ โคโตบูกิวันเกิด 2 กรกฎาคม ราศีกรกฎ ส่วนสูง 157 ซม. น้ำหนัก 53 กก. กรุ๊ปเลือด O สึมุกิ หรือ มุกิ สาวเรียบร้อยของชมรม K-On! เล่นคีย์บอร์ด Korg Triton Extreme 76 Key ก่อนหน้านี้เธอเริ่มเล่นเปียโนเมื่ออายุ 4 ขวบ และเคยชนะการประกวดมาแล้ว เธอเป็นลูกสาวของประธานบริษัท และมีบ้านพักตากอากาศมากมายอยู่ทั่วญี่ปุ่น ตอนที่ยุยไปซื้อกีตาร์เธอก็ต่อราคาให้ เธอชอบนำขนมและชามาที่ห้องชมรมเสมอ อันที่จริงแล้วเธอสนใจที่จะเข้าร่วมชมรมประสานเสียง แต่ก็เข้าร่วมชมรม K-On เพราะคำชวนแกมบังคับของริทสึ (ที่จริงแล้วต้องการจะมีเพื่อนที่สนุกสนานมากกว่า) มักตื่นเต้นกับเรื่องที่วัยรุ่นทั่วไปทำกันเป็นปกติ เช่น เข้าร้านฟาสต์ฟู้ด ทำงานพิเศษ ฯลฯ เป็นคนที่แข็งแรงมากแม้ต้องยกของหนักก็ไม่มีเหงื่อสักหยด มีฝีมือในงานศิลปะในระดับเยี่ยม นิสัยดี แต่จะมีนิสัยยูริอยู่หน่อยๆ

วงดนตรีวะคะบะเกิลส์ (รุ่น 2)

นากาโนะ อาซึสะให้เสียงโดย:อายานะ ทาเกตัตสึวันเกิด 11 พฤศจิกายน ราศีพิจิก ส่วนสูง 150 ซม. น้ำหนัก 46 กก. กรุ๊ปเลือด ABอาซึสะ เป็นน้องเล็กสุดของชมรม K-On! ใช้กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Mustang มีบทบาทในช่วงที่ยุยขึ้นปีสอง เธอเข้าร่วมชมรมนี้เพราะในวันปฐมนิเทศได้เห็นการแสดงของชมรม K-On! แล้วรู้สึกประทับใจ เธออยู่ชั้นเดียวกับอุย เล่นกีตาร์ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมเพราะพ่อแม่ของเธอทำงานในวงดนตรี Jazz เป็นคนจริงจังกับการเล่นดนตรี แต่มักจะถูกรุ่นพี่ชักชวนให้เล่นจนลืมการซ้อม มีฉายาว่า “อาซึเมี้ยว”  ซึ่งยุยเป็นคนตั้งให้ ในช่วงที่เธออยู่ชั้นปี 1 และปี 2 เธอเป็นมือกีตาร์ทำนอง (Rhythm Guitar) ของวงเวลาน้ำชาหลังเลิกเรียน และเมื่อเธอขึ้นชั้นปี 3 บรรดารุ่นพี่ทั้งสี่คนต่างจบการศึกษาออกไป ทำให้เธอผู้เป็นสมาชิกหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ต้องรับหน้าที่สืบทอดตำแหน่งประธานชมรมโดยปริยาย ในชั้นปี 3 นี้เธอได้เป็นมือกีตาร์หลักและนักร้องนำของวงวะคะบะเกิลส์

ฮิราซาว่า อุยห้เสียงโดย:มาโดกะ โยเนซาวะวันเกิด 22 กุมภาพันธ์ ราศีมีน ส่วนสูง 154 ซม. น้ำหนัก 50 กก. กรุ๊ปเลือด Oน้องสาวของยุย มีนิสัยตรงข้ามกับยุย สุภาพและรักงานบ้าน นอกจากนี้เธอยังมีฝีมือในการเล่นกีตาร์เก่งกว่ายุยอีก และที่สำคัญเธอรักพี่สาวของเธอมาก อุยกับพี่สาวของเธอนั้นมีลักษณะภายนอกที่คล้ายกันมากจนถ้าทั้งสองคนทำผมทรงเดียวกันจะแยกกันแทบไม่ออกเลย และเธอเองก็เคยแกล้งเล่นหรือปลอมตัวเป็นพี่สาวของเธอหลายครั้ง ซึ่งมีเพียงอ.ซาวาโกะเท่านั้นที่จับได้ว่าอุยปลอมตัวเป็นพี่สาวของเธอ เมื่อขึ้นปี 3 เธอได้ตัดสินใจเข้าร่วมชมรม K-On! ด้วยกันกับจุน โดยเธอเป็นมือกีตาร์ทำนองของวงวะคะบะเกิลส์

สึซึกิ จุนให้เสียงโดย:โยริโกะ นางาตะเพื่อนร่วมห้องของอาซึสะและอุยซึ่งมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ซึ่งอุยพยายามชวนเธอเข้าชมรม K-On! แต่ก็ไม่สำเร็จหลังจากไปเยื่ยมถึงห้องชมรม ปัจจุบันอยู่ชมรมดนตรีแจ๊ส เธอมีแมวเป็นสัตว์เลี้ยง เมื่อจุนขึ้นชั้นปี 3 เธอก็เข้าร่วมชมรม K-On! ด้วยกันกับอุย ตำแหน่งของเธอในวงวะคะบะเกิลส์คือมือเบสเนื่องจากเธอชื่นชอบมิโอะเป็นอย่างมาก

ไซโต สึมิเระรุ่นน้องของโคโตบุกิ สึมุกิ ที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน อันที่จริง เธอเป็นคนรับใช้ของตระกูลโคโตบุกิ มีความสามารถในการชงชาเหมือนสึมุกิ สึมิเระกับสึมุกิในสมัยเด็กสนิทกันมากเนื่องจากเธอเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กเพียงคนเดียวของสึมุกิ และเธอได้เข้าชมรมนี้เนื่องจากสึมุกิขอให้สึมิเระนำชุดน้ำชากลับจากห้องชมรมมายังบ้านโคโตบุกิ เธอรับหน้าที่เป็นมือกลองประจำวงวะคะบะเกิลส์

โอตุดะ นาโอะนักเรียนโรงเรียนซากุระงาโอกะชั้นปี 1 ห้องเดียวกับสุมิเระ เธอดูเหมือนจะไม่มีความถนัดอะไรเลยไม่ว่าจะดนตรีหรือกีฬา และตัดสินใจทดลองเข้าชมรมต่าง ๆ ในโรงเรียนไปเรื่อย ๆ จนลงเอยมาเข้าชมรม K-On! ในที่สุด และที่ชมรมนี้เอง อ.ซาวาโกะได้ลองเอาคอมพิวเตอร์มาให้เธอใช้พร้อมกับสอนวิธีใช้ซอฟต์แวร์แต่งเสียง ความสามารถของเธอในด้านการใช้อุปกรณ์ที่สลับซับซ้อนจึงได้เปิดเผยออกมา เธอจึงกลายเป็นนักแต่งเพลงประจำวงไปในทันที และนอกจากนี้เธอยังมีอีกบทบาทในวงนั่นคือช่างเสียง หรือผู้ควบคุมเสียงในการแสดงนั่นเอง

โรงเรียนซากุระงาโอกะ

ยามานากะ ซาวาโกะ (ชื่อขณะที่ยังอยู่ในวง แคทเทอรีน)ให้เสียงโดย:อาซามิ ซานาดะที่ปรึกษาชมรมเครื่องเป่า เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนและยังเป็นมือกีตาร์สมาชิกเก่าของชมรม K-On! ด้วย ต่อมาก็ถูกริทสึขอร้องแกมบังคับให้มาเป็นที่ปรึกษาชมรม K-On! ยุยและริทสึชอบเรียกซาวาโกะว่า “ซาวะจัง” มักจะชอบเอาชุดคอสเพลย์ที่ตัดเองมาให้สมาชิกชมรมแต่งเสมอ โดยเป้าหมายหลักคือมิโอะและเป้าหมายรองคืออาซึสะ ปกติแล้วจะวางมาดแบบผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้จนเป็นที่รักของบรรดานักเรียนและอาจารย์(ยกเว้นเวลาจับกีตาร์หรือทำอะไรในฐานะนักดนตรี) แต่ในชมรมแล้วเธอจะแสดงตัวจริงที่เป็นคนเพี้ยน ๆ ออกมา เมื่อพวกยุยขึ้นชั้นปี 3 ซาวาโกะก็ได้เป็นที่ปรึกษาประจำชั้นปี 3-2 ที่ยุย ริทสึ มิโอะ สึมุกิ และโนโดกะอยู่ด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอไม่อยากจำชื่อนักเรียนใหม่มากนักเธอจึงรวมเอาทั้งห้าคนที่เธอรู้จักอยู่แล้วเข้ามาไว้ในชั้นเรียนของเธอ

มานาเบะ โนโดกะให้เสียงโดย:ชิกะ ฟูจิโตเพื่อนสมัยเด็กของยุย สนิทกับยุยมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล เนื่องจากบ้านของโนโดกะกับบ้านของยุยอยู่ใกล้กัน ทำให้เมื่อทั้งสามคนยังเป็นเด็ก โนโดกะ ยุย และอุยมักมาจะเล่นด้วยกันบ่อย ๆ โนโดกะเป็นสมาชิกคณะกรรมการนักเรียน ในปี 3 เธอก็ได้สืบทอดทั้งตำแหน่งประธานนักเรียนและประธานมิโอะแฟนคลับแทนเมกุมิ

มหาวิทยาลัย J. Women

วาดะ อากิระมือกีตาร์ประจำวงอนนะกุมิ เรียนคณะครุศาสตร์เช่นเดียวกันกับยุย มีนิสัยค่อนไปในทางซึนเดเระเล็กน้อย ครั้งหนึ่งเธอเคยไว้ผมยาวแต่ตัดสินใจหั่นผมสั้นและแปลงโฉมตัวเองเป็นสาวห้าวเพื่อประชดรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบชอบ

ฮายาชิ ซาจิมือเบสประจำวงอนนะกุมิ เรียนคณะเดียวกันกับมิโอะ ซาจิมีรูปร่างสูงกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ และค่อนข้างจะขี้อาย โดยเฉพาะเมื่อมีใครพูดถึงหรือทักเกี่ยวกับส่วนสูง นอกจากนี้เธอยังเป็นคนตั้งชื่อวงอนนะกุมิด้วย

โยชิดะ อายาเมะมือกลองประจำวงอนนะกุมิ เรียนอยู่คณะเดียวกับริทสึแถมยังมีนิสัยร่าเริงคล้ายกันอีกด้วย อายาเมะมีส่วนสูงน้อยที่สุดในวงและสนใจเกี่ยวกับแฟชั่นเครื่องแต่งกายเป็นอย่างมาก

โซงาเบะ เมกุมิให้เสียงโดย อัตสึมิ โคดามะเมกุมิเป็นประธานนักเรียนคนก่อนที่โนโดกะจะมาเป็นประธานนักเรียนในปีสาม นอกจากนั้นเธอก็ยังเป็นประธานแฟนคลับของมิโอะ (ปัจจุบันโนโดกะเป็นประธานแฟนคลับของมิโอะ) อีกด้วย ปรากฏอยู่ในตอนที่ 6 และ 8 ของอนิเมะ K-On! และตอนที่ 7 ของอนิเมะ K-On!! ปัจจุบันเธอเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย

อนิเมะเรื่อง ไซโคพาส ถอดรหัสล่า ประกาศมูฟวี่ ไตรภาคในชื่อ Psycho-Pass SS

โดยล่าสุดในอีเว้นท์ “Plus Ultra งานประกาศไลน์อัพอนิเมะของช่อง Fuji TV ประจำปี 2018″ ซึ่งจัดขึ้นในกรุงโตเกียวได้มีการประกาศภาคใหม่ของ Psycho-Pass เป็นมูฟวี่ 3 ตอนในชื่อ Psycho-Pass SS (Sinners of the System)

มูฟวี่แรก “Case 1. Tsumi to Bachi” (อาชญากรรมและการลงโทษ) จะเล่าเรื่องราวของ Ginoza Nobuchika และ Shimotsuki Mika ส่วนมูฟวี่ที่ 2 “Case 2. First Guardian” จะเป็นเรื่องราวของ Masaoka Tomomi และ Sugo Teppei ส่วนมูฟวี่ที่ 3 สุดท้าย “Case 3. Onshuu no Kanata ni” (ในอีกด้านของความรักและความเกลียดชัง) จะเป็นเรื่องราวของ Kougami Shinya ตัวเอกหลักที่เคยปรากฎตัวในอนิเมะภาคก่อนนะครับ

ซึ่งมูฟวี่แรกจะเริ่มฉายในเดือนมกราคม ปี 2019 โดยจะมีข้อมูลอื่นๆของไตรภาคเปิดเผยออกมาในภายหลังนะครับ

เนื้อเรื่องย่อ

เรื่องราวได้กล่าวขึ้นในปี 2113 เป็นยุคที่การปกครองทางสังคมได้มีการนำเอาระบบกฎหมายไฮเทคที่มีชื่อว่า “Sibyl System” เข้ามาบังคับใช้พลเมือง เพื่อมุ่งหวังที่จะสร้างความเป็นเสถียรภาพและระเบียบแบบแผนการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนในสังคม… แต่ทว่า… ด้วยกฎหมายของ Sibyl System อันเสมือนเป็นกฎเกณฑ์ที่ชี้นำมากกว่าความเป็นหลักประชาธิปไตยจนเกินไปนั้น กลับสร้างความเห็นต่างที่ยากเกินการยอมรับได้ นี่จึงไม่ต่างจากกฎหมายที่ชี้ให้คนไหนเป็นคนไหนตายได้อย่างง่ายดาย เพราะเมื่อ “ความถูกต้อง… ความถูกผิด… และความเท่าเทียม” ได้ถูกตัดสินจากระดับสีความแตกต่างของค่าสัมประสิทธิ์อาชญากรรม หรือที่เรียกว่า “ไซโค-พาร์ท” จึงส่งผลทำให้ความเห็นต่างแปรเปลี่ยนไปสู่แนวคิดการต่อต้านและกระบวนการล้มล้างกฎเกณฑ์การปกครอง ที่คอยกดขี่ห่มเหงอย่างไร้ซึ่งความเป็นเสรีชน…

Violet Evergarden ฉบับภาพยนตร์อนิเมะพร้อมฉายทั่วโลกมกราคม 2020

Violet Evergarden ฉบับภาพยนตร์อนิเมะพร้อมฉายทั่วโลกมกราคม 2020 สำหรับ Violet Evergarden เป็นเรื่องราวของ ทวีปเทเลซิสหลังสิ้นสุดสงครามแบ่งแยกดินแดนเหนือ-ใต้ สำหรับ Violet Evergarden นั้นคือหญิงสาวผมสีทองตาสีฟ้าผู้แสนงดงาม แต่เดิมทีนั้นเคยทำงานในกองทัพ และกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยงานเดินทางส่งจดหมายพร้อมกับการค้นหาความหมายของชีวิตของตัวเธอเอง

สำหรับผลงานเรื่อง Violet Evergarden ผลงานของอาจารย์ Akatsuki Kana ได้อาจารย์ Takase Akiko มาวาดภาพประกอบให้ โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้รางวัลชนะเลิศจากงาน Kyoto Animation Award ครั้งที่ 5 สำหรับอนิเมะตอนนี้

ประเทศไทยสามารถดูแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ Netflix แฟน ๆ อนิเมะอดใจรอกันอีกนิดนึง ต้นปีหน้าก็จะได้รับชมพร้อมกันแล้ว

Life of Saiki K.ตอนจบเปิดตัว 30 ธันวาคม

Life of Saiki K.เปิดตัว 30 ธันวาคมความยาว 6 ตอน มังงะดั้งเดิมมุ่งเน้นที่เด็กมัธยมปลายที่ชื่อว่า Kusuo Saiki เขามีพลังเหนือธรรมชาติที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่โชคร้ายในชีวิตประจำวันของเขาเป็นประจำ

ซีซั่นแรกของอนิเมะเรื่องสั้นโดยอิงจาก The Disastrous Life of Saiki K. ของมังงะ (Saiki Kusuo no Psi Nan) มังงะฉายนเดือนกรกฎาคม 2559 Funimation ได้สตรีมซีรีส์การ์ตูนภายใต้ชื่อ The Disastrous Life of Saiki K. พร้อมคำบรรยายภาษาอังกฤษ ออกอากาศในญี่ปุ่นและยังออกอากาศพากย์ภาษาอังกฤษสำหรับซีรีส์ ออกอากาศในเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2561

อะนิเมะตอนจบจะมีความยาว 55 นาทีออกอากาศพิเศษที่ญี่ปุ่นในวันที่ 28 ธันวาคม

อนิเมะเรื่องนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่เปิดตัวในญี่ปุ่นในเดือนตุลาคม 2017 และ Saiki Kusuo no Psi Nan Psychic Battle ที่เปิดตัวพร้อมเรื่องราวออริจินัลในเดือนเมษายน 2018